พรรคเศรษฐกิจไทย เตรียมลุยนโยบาย "ส.ป.ก.แผ่นดินทองคำ” พลิก12ล้านไร่ช่วยเกษตรกร
นางสางสิริณัฐฐาพร สิงห์สมบุญ รองเลขานุการเเละโฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯครั้งล่าสุด ที่ประขุมได้มีมติเห็นชอบขับเคลื่อนนโยบาย “เปลี่ยนที่ดิน คทช. เป็น ส.ป.ก. และพัฒนา ส.ป.ก.เป็นผืนแผ่นดินทองคำ"เเละจะเสนอต่อผู้บริหารพรรคเพื่อบรรจุเป็นนโยบายพรรคเเละนำเสนอประชาชนในขั้นต่อไป เพราะจากการลงพื้นที่หลายจังหวัดของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ พบว่าเกษตรกรได้ทำมาหากินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวร เป็นระยะเวลายาวนานแต่ไม่ได้รับเอกสารสิทธิใดๆ ประมาณ 12 ล้านไร่ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และไม่สามารถประกอบกอบกิจการอื่นๆ ที่เป็นการเกื้อหหนุนเศรษฐกิจชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ ตลอดจนไม่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งน้ำ ถนน คุณภาพดิน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนประกอบอาชีพ สิทธิต่างๆ ที่จะได้รับจากโครงการของรัฐ
พรรคเศรษฐกิจไทย จึงมีนโยบายขับเคลื่อนให้โอนที่ดินของรัฐที่ประชาชนได้เข้าถือครองทำประโยชน์ในที่ดิน คทช. หรือระหว่างดำเนินการ คทช. และที่ป่าไม้ถาวรจำนวน 12 ล้านไร่ เปลี่ยนเป็นที่ดิน ส.ป.ก. และจะดำเนินการพัฒนา ส.ป.ก. เป็นแผ่นดินทองคำ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรมีความมั่นคงด้านที่ดินทำกิน บนผืนดิน ส.ป.ก. สามารถประกอบกิจการอื่นๆ ที่เกื้อหนุนชุมชน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ตลอดจนเข้าถึงบริการของภาครัฐ อาทิ แหล่งน้ำ ถนน การพัฒนาคุณภาพดิน การพัฒนาอาชีพ แหล่งเงินทุน ตลอดจนสิทธิต่างๆ ที่จะได้รับจากโครงการของรัฐ ให้มีความเท่าเทียมกับที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ทั้งแผ่นดินให้แก่เกษตรกรไทย เชื่อว่านโยบายพรรคนี้จะผลักดันให้ เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้โดยเกษตรกรสามารถใช้สปก.กู้ยืมเงินจากธนาคารธกส.และกองทุนสปก.ของกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ได้ด้วย
“ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค สมัยท่ีเป็นรมช.เกษตรฯเคยขับเคลื่อนเรื่องนี้เเต่ยังไม่สำเร็จ เเต่ครั้งนี้เชื่อว่าหากประชาชนเเละเกษตรกรได้เห็นความตั้งใจของพรรคเเละร้อยเอกธรรมนัสในเรื่องนี้ท่ีจะบรรจุเป็นนโยบายพรรคในการหาเสียง หากได้รับโอกาสจากสังคม พรรคจะผลักดันนโยบายนี้ให้ลุล่วง ยืนยันว่านโยบายนี้ทำได้จริงเเละจะพลิกฟื้นชุมชนให้เข้มเเข็ง เม็ดเงินไหลเวียนเพิ่มขึ้น ประชาชนมั่งคั่งขึ้นหลายเท่า”นางสางสิริณัฐฐาพร กล่าว