วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) อาคาร 99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตลอดจนสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบัน (30 มิ.ย.68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 43,345 ล้าน ลบ.ม. (57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 33,157 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 13,159 ล้าน ลบ.ม. (53% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 11,712 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ในเกณฑ์ดี ด้านผลการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝนปี 68 ทั้งประเทศมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 8,298 ล้าน ลบ.ม. (50% จากแผนฯ) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ) จัดสรรน้ำไปแล้ว 2,682 ล้าน ลบ.ม. (60% จากแผนฯ) ภาพรวมการจัดสรรน้ำยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยา ปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ปกติ มีการปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ร่วมกับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำท่า เพื่อลดผลกระทบกับพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีปริมาณฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 1 – 6 ก.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้น จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ พร้อมทั้งนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อท้ายเขื่อน เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ตามแนวทางของสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) และข้อสั่งการของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กนช.) ที่สำคัญให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 68 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งมั่นตรวจสอบอาคารชลศาสตร์และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกำหนดพื้นที่เสี่ยง และมอบหมายเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์