ดร.พงศ์ไท ไทโยธิน รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ลำไยสดเป็นสินค้าเกษตรส่งออกสำคัญลำดับต้นของไทย โดยมีตลาดหลักคือสาธารณรัฐประชาชนจีนมากกว่า 90% รองลงมาคืออินโดนีเซีย
แม้ว่าลำไยสดจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้สูง แต่การรักษามาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะกระบวนการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO₂) ที่จำเป็นต่อการป้องกันเปลือกลำไยดำและการยับยั้งเชื้อรา ซึ่งแต่ละประเทศผู้นำเข้ามีข้อกำหนดปริมาณที่อนุญาตแตกต่างกัน
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ คิดค้นนวัตกรรมทดแทนการใช้ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เช่น การใช้โอโซน การใช้แผ่นฟิล์มคลอรีนไดออกไซด์ (ClO₂) หรือการใช้ถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ระหว่างขนส่ง เพื่อช่วยลดการตกค้างของสารดังกล่าว
นอกจากนี้ มกอช. ได้จัดโครงการสัมมนาเสริมสร้างความรู้กระบวนการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง “หลักปฏิบัติสำหรับกระบวนการรมผลไม้สดด้วยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (มกษ. 1004-2557)” เพื่อให้ผู้ผลิตเข้าใจกระบวนการตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยควบคุมปริมาณสารตกค้างให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
พร้อมกันนี้ มกอช. ได้นำผู้ประกอบการจากแหล่งผลิตสำคัญอย่างเชียงใหม่ ลำพูน และจันทบุรี ลงพื้นที่ศึกษานวัตกรรมการรม SO₂ ด้วยถังอัดความดันโดยตรงด้วยระบบบังคับอากาศแบบแนวตั้ง ซึ่งช่วยควบคุมการกระจายก๊าซให้ทั่วถึง ลดสารตกค้าง และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการรม SO₂ ร่วมกับการอบโอโซน และ เครื่องต้นแบบการรมลำไยสดด้วยโอโซน ณ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
“ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย มกอช. กรมวิชาการเกษตร และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อหาวิธีการที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาลำไยให้คงความสดและคุณภาพมาตรฐาน เพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศจีนที่กำหนดค่าซัลเฟอร์ไออกไซด์ไม่เกิน 50 ppm” รองเลขาธิการ มกอช. กล่าว






